ถอดองค์ความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ปราชญ์ชาวบ้าน ภูมิปัญญาชาวบ้าน
กศน.ตำบลกระทุ่มแพ้ว
อำเภอบ้านสร้าง สำนักงาน
กศน.จังหวัดปราจีนบุรี
๑.
ชื่อภูมิปัญญา
นางน้ำอ้อย คงปาน อายุ ๓๗ ปี อาชีพ เกษตรกร
ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ ๑ ม.๖ ต.กระทุ่มแพ้ว อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี
๒.
ประเภทภูมิปัญญา
การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากปลา(ปลาร้า)
๓.
ประวัติความเป็นมา/ภูมิหลัง
เนื่องจากอาชีพของข้าพเจ้าคืออาชีพเลี้ยงปลา
บางฤดูกาลปลามีราคาถูก ทำให้มีรายได้น้อยลงจากการขายปลาสดจากปากบ่อ ข้าพเจ้าจึงคิดที่จะทำการแปรรูปปลาเพื่อเพิ่มมูลค่าของปลาให้มีราคาสูงขึ้น อีกทั้งปลาร้าเป็นอาหารที่มีผู้นิยมบริโภคกันเป็นจำนวนมาก และการทำปลาร้าก็ไม่มีขั้นตอนมากมาย
สามารถทำได้เองโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์มากนัก อีกทั้งสภาพแวดล้อมภายในหมู่บ้านมีปลาเบญจพรรณมาก
จึงมีแนวคิดที่ว่าจะแปรรูปจากปลาสดให้เก็บไว้ได้กินนาน ไม่เน่า ไม่เสีย
จึงทำปลาร้าขึ้น เพื่อเป็นรายได้เสริม และรายได้หลักในบางครอบครัว
๔.
กระบวนการ/ขั้นตอน/วิธีการดำเนินงาน
ปลาร้า
หรือ ปลาแดก ถือเป็นภูมิปัญญาอาหารที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุของคนอีสาน
(ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย) ทั้งรูปลักษณ์
รสชาติและกลิ่น เป็นอาหารท้องถิ่นภาคอีสาน
ของไทย และ ลาว รวมถึง บางส่วนของเวียดนาม โดยมักทำจากปลาน้ำจืดขนาดเล็ก เช่น ปลาสร้อยขาว
ปลากระดี่มาหมักกับรำข้าวและเกลือ แล้วบรรจุใส่ไห
โดยทั่วไปจะหมักไว้ ๗-๘ เดือน และนำมารับประทานได้
โดยในบางที่มีค่านิยมว่า หมักให้เกิดหนอนจะยิ่งเพิ่มรสชาติยิ่งขึ้น
ปัจจุบัน การทำปลาร้าได้พัฒนาขึ้นไปสู่ระดับสากลมากขึ้น มีปลาร้าพาสเจอร์ไรซ์
เพื่อฆ่าเชื้อโรคก่อนด้วย หรือ ปลาร้าอนามัย แต่ส่วนใหญ่ ปลาร้าก็ยังนิยมทำแบบเดิม
โดยตักขายตามน้ำหนักตามตลาดสดต่าง ๆ
ปลาร้านำไปปรุงอาหารได้หลายชนิด ตั้งแต่
น้ำพริก
หลน
จนถึงนำไปทอด นึ่ง เผา แล้วแต่ขนาดของปลาร้า นำปลาร้าไปต้มกับน้ำแล้วกรองเอาแต่น้ำเป็นน้ำปลาร้าเป็นเครื่องปรุงรสที่สำคัญของอาหารอีสาน
อาหารที่ปรุงด้วยปลาร้าที่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไปคือส้มตำโดยส้มตำที่ใส่ปลาร้านั้นจะเรียกว่า
ส้มตำลาว หรือ ส้มตำปลาร้า เพื่อให้ต่างจากส้มตำใส่กุ้งแห้งที่เรียกส้มตำไทย ปลาร้าที่นิยมใส่ในส้มตำมี ๓ แบบคือ
·
ปลาร้าต่วงหรือปลาแดกน้อย
ทำจากปลาตัวเล็ก หมักกับเกลือ รสเค็มกลมกล่อม
·
ปลาร้าโหน่ง
รสจืดกว่าปลาร้าต่วง โดยหมักปลากับเกลือและรำข้าว
รำข้าวจะช่วยเร่งให้ปลาร้าเป็นเร็ว สีออกแดงและหอม
จากหลักฐานทางโบราณคดีพบว่า
ปลาร้า เป็นอาหารของวัฒนธรรมอีสานมานานกว่า ๖,๐๐๐
ปีแล้ว โดยพบวัสดุที่คล้ายกับไหหมักปลาร้า
๑. เริ่มตั้งแต่การเตรียมปลาที่จะมาทำหลังจากเราเลือกปลาที่จะทำได้แล้ว
นำมาทำความสะอาดถ้าปลาที่มีเกล็ดก็นำเกล็ดออกให้เรียบร้อย โดยวิธีการนำปลาลงไปโขรกในครก
จากนั้นนำไปล้างให้สะอาด ควักไส้ปลาออก จากนั้นนำไปล้างอีกครั้ง
๓. นำรำและข้าวคั่วใส่ในปลาที่โขรกกับเกลือจนไว้
แล้วโขรกต่อให้รำละข้าวคั่วเข้ากันกับตัวปลา ประมาณครึ่งชั่วโมง
๔. เตรียมภาชนะที่จะใช้หมักปลาร้าซึ่งส่วนมากจะใช้ไห
เนื่องจากระบายอากาศได้ดี หรือโอ่งก็ได้ ล้างทำความสะอาดไหให้สะอาดผึ่งให้แห้ง จากนั้นผสม
น้ำเกลือ ใส่ลงไปในไห ในอัตราส่วน ๑ : ๒ ประมาณ หนึ่งใน สี่ ส่วนของไห (น้ำที่ใช้ทำน้ำเกลือส่วนมากจะใช้น้ำบาดาล
หรือน้ำประปา ไม่นิยมใช้น้ำฝน สาเหตุเนื่องจากจะทำให้ปลาร้าเน่าได้)
๕. นำปลาที่ได้อัดลงในไหที่เตรียมไว้ที่ละน้อย
โดยต้องอัดให้แน่น ๆ เราจะปิดปากไหด้วยตาข่ายหรือไม้ไผ่สานขัดปิดปากไหไว้
จากนั้นเทน้ำเกลือที่เข้มข้นลงไปเพื่อเป็นป้องกันแมลงวันใส่พอท่วมปลาร้า เล็กน้อย จากนั้นก็นำไหที่บรรจุปลาร้าเรียบร้อยแล้วไว้ในที่ร่มอากาศถ่ายเทได้สะดวก
ซึ่งเราจะหมักไว้ประมาณ ๖ เดือน ถึง ๑ ปี ก็สามารถนำมา รับประทานได้ แต่ก่อนที่จะนำมารับประทานก็ควรที่จะทำให้สุกทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยและปลอดจากพยาธิ
๕.
วิธีการถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อนำสู่การปฏิบัติ
- เป็นวิทยากรให้กับหน่วยงานที่มาติดต่อ ที่บ้านของข้าพเจ้าจะมีความพร้อมในเรื่องของวัสดุอุปกรณ์ที่สามารถสาธิตให้ผู้ฝึกอาชีพสามารถนำความรู้ในการทำปลาร้าไปในการขายได้
๖.
ผลผลิต/ผลสัมฤทธิ์/ประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติ
- สามารถทำเป็นอาชีพเสริมได้
- เป็นการเพิ่มมูลค่าของปลา
ทำให้ไม่มีปัญหาในการที่ขายปลาไม่ออก
-
ประชาชนที่มาร่วมฝึกอาชีพกับเราสามารถนำไปประกอบอาหารรับประทานเองที่บ้านได้
๗.
การมีส่วนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
-
กศน.อำเภอบ้านสร้าง
-
อบต.บางปลาร้า
๘.
แผนงานในอนาคต และการนำไปขยายผล (Applicable)
- ในขณะนี้คือคนที่มาติดต่อซื้อส่วนใหญ่จะเป็นคนในชุมชนจึงอยากจะทำการประชาสัมพันธ์ให้กว้างขวางมากขึ้น ให้ผู้ที่อยู่ต่างหมู่บ้านได้ทราบ
- อยากทำบรรจุภัณฑ์ให้น่าสนใจมากกว่านี้
อาจทำเป็นปลาร้ากระป๋อง
ปลาร้าอบแห้ง เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น